The Shawshank Redempsion
ชื่อไทย มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง
ข้อมูลจำเพาะ
ผู้กำกับ
แฟรงค์ ดาราบองต์ Frank Darabont
ผู้เชียนเรื่อง
สตีเฟน คิง Stephen King
ผู้เขียนบท
แฟรงค์ ดาราบองต์ Frank Darabont
ข้อมูลเพิ่มเติม >>>
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของสตีเฟน คิง เรื่อง Rita Hayworth and Shawshank Redemption เนื้อเรื่องพูดถึงแอนดี้ ดูเฟรนส์ (ทิม รอบบินส์) อดีตผู้บริหารธนาคาร ซึ่งถูกจำคุกในเรือนจำชอว์แชงค์ ด้วยข้อหาฆาตกรรมภรรยาและชายชู้ เมื่อเข้ามาอยู่ในชอว์แชงค์ ดูเฟรนต์ได้สร้างมิตรภาพกับหมู่นักโทษและพวกพัสดีเรือนจำ ด้วยความฉลาดรอบรู้ในแง่ของกฎหมายทำให้ดูเฟรนต์ได้เป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการงานฉ้อฉลที่พัศดีได้ดำเนินการภายในคุก การดำเนินเรื่องโดยผ่านมุมมองของเรด (มอร์แกน ฟรีแมน)นักโทษผู้เป็นเพื่อนสนิทของดูเฟรนส์ ทำให้เห็นสภาพการดำเนินชีวิตในคุกชอว์แชงค์ วิวัฒนาการของการดำเนินชีวิตในคุกของดูเฟรนส์ การฉ้อฉลภายในคุกซึ่งดูเฟรนต์เป็นผู้ดูแลให้แก่พัสดี และการแหกคุกชอว์แชงค์ของดูเฟรนส์
ความเห็นส่วนตัวของนายจ๊อบ
หนังเรื่องนี้เป็นเบอร์หนึ่งในใจผมตลอดกาลเชียวนะเนี่ย ถ้าจะดูเอาเนื้อเรื่องก็สุดยอด คิดได้ไงนะให้นักโทษแก้แค้นพัสดีซะจนต้องฆ่าตัวตายและติดคุกกันเป็นแถว แถมรอดออกมาใช้เงินสบายใจเฉิบ แต่ที่ผมชอบจริงๆ ก็เป็นในส่วนของการดำเนินเรื่องที่ดูเหมือนจะเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ แต่ก็มีอะไรมาให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่มีการหักมุมอะไรมากมาย แต่รายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องนั้นสุดยอด อย่างเช่น ตอนที่เรดเสียบุหรี่เพราะไปพนันดูเฟรนส์ไว้ในตอนที่ดูเฟรนส์เข้ามาอยู่ี้ในคุกวันแรกก็ฮาได้การดี หรือตอนที่ดูเฟรนส์เริ่มดำเนินการผูกมิตรกับพวกพัสดีครั้งแรก ซึ่งทำให้ดูเฟรนส์กับเพื่อนๆ (ก็รวมทั้งเรดนั่นแหละ) ได้กินเบียร์ฟรีของพัสดีจอมโหดอยูบนดาดฟ้าคุกโดยที่ดูเฟรนส์ซึ่งเป็นต้นเหตุนั่งเฉยปฺฏิเสธไม่กินเบียร์ซะอีกแน่ะ แล้วก็อีกหลายๆ ตอน โดยเฉพาะไคลแม็กซ์ของเรื่องในตอนที่ดูเฟรนส์แหกคุกออกไปเนี่ย ดูแค่โปสเตอร์ภาพที่ดูเฟรนส์ถอดเสื้อยืนกางแขนรับสายฝนเถอะครับ ในหนังตอนนี้เรียกน้ำตาได้ไม่แพ้หนังดรามาตอนที่พระเอกหรือนางเอกกำลังจะตายอะไรประมาณนั้นได้เลย (เกินไปมั้ยเนี่ย) แถมด้วยคำพูดบรรยาย(ของเรด) ที่จับใจสุดๆ ว่า ดูเฟรนต์มุดท่อออกมาจากคุกในสภาพเหม็นสุดๆ เป็นระยะกว่า 500 หลาและออกไปได้ในสภาพสะอาดล่อนจ้อนยังกะผ้าขาว ยิ่งทำให้อัศจรรย์ใจนัก
หนังเรื่องนี้ทีมสร้างจัดว่าแข็งมาก ผมเริ่มจดจำ แฟรงค์ ดาราบองต์ ได้จากหนังเรื่องนี้เอง และสืบเสาะหางานอื่นๆ ของดาราบองต์มาดูได้อีกหลายเรื่องซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย อย่างเช่น กรีนไมล์ (กำกับทอม แฮงค์) แล้วก็ที่ออกใหม่ๆ ก็คือ The Mist ซึ่งก็สร้างมาจากหนังสือของสตีเฟ่น คิงทั้งสองเรื่องอีกนั่นแหละ และอีกเรื่องก็คือ Majestic (กำกับจิม แครี่) นอกจากนั้นแล้วก็มี The Women In The Room ซึ่งสร้างมาจากหนังสือของสตีเฟน คิง (อีกแล้ว) แต่หาดูไม่ได้แล้ว เพราะเป็นหนังเก่ามาก เป็นงานกำกับเรื่องแรกของดาราบองต์เลย
ส่วนในรายของสตีเฟน คิง ถ้าใครเป็นหนอนหนังสือก็อย่าบอกว่าไม่รู้จักเชียวนะครับ ราชานวนิยาสยองขวัญเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว หนังทีสร้างมาจากหนังสือของคิง มีเยอะมาก นอกจากงานของดาราบองค์ที่ว่ามาแล้ว ก็ยังมีงานเยี่ยมๆ อีกบานเบอะ จำแทบไม่หวาดไม่ไหว เอาที่เด่นๆ ก็ได้ เช่น Thiner (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่) Childen of the corn (หนังสยองขวัญในตำนาน มีภาภต่ออีกหลายภาค) Secret Window (ที่จอห์นนี่ เดปป์ เป็นพระเอกโรคจิต) Dreamcatcher (มันส์มากๆ มอร์แกน ฟรีแมนโหดดี) รวมไปถึงซีรี่ย์ฮิตอย่าง The X-Files บางตอนและหนังของไมเคิล แจ็คสัน ที่มีสแตน วินสตัน กำักับเรื่อง Ghost ด้วย แล้วก็อีกเยอะแยะไปหมด นอกจากนี้แล้วเฮียคิงแกก็ยังแอบๆ ไปโผล่ในบางตอนของหนังบางเืรื่องด้วย อย่างเช่น ใน Thinner หรือ Godtham Cafe เป็นต้น
แต่สำหรับสาระของหนังเรื่อง The Shawshank Redempsion นั้น จริงๆ แล้วมันก็มีแง่ให้คิดได้หลายมุมมอง ซึ่งนำเสนอได้น่าสนใจมากๆ ในส่วนที่เด่นที่สุดก็คื่อเรื่องของความหวังของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นดูเฟรนส์ หรือเรด หรือแม้แต่นักโทษคนอื่นๆ จุดสรุปของหนังย่อมเป็นสิ่งชี้ให้เห็นได้ชัดเจนที่สุด ดูเฟรนส์เคยบอกเรดว่า คนเรานั้นไม่ควรจะละทิ้งความหวัง แม้ว่าจะเข้ามาอยู่ในคุกแล้วก็ตาม ในขณะที่เรดก็หาว่าดูเฟรนส์มีความคิดบ้าๆ คนที่อยู่ในคุก(ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ออกไปภายนอกเมือไหร่) ไม่ควรจะมีความหวัง แต่ในที่สุดดูเฟรนส์ก็ทำให้เรดได้เห็นว่า การที่เขายังมีความหวังนั้น ทำให้เขามีชีวิตรอดออกไปได้ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เรดไม่ต้องฆ่าตัวตายเมื่อเขาได้รับทัณฑ์บนให้ออกจากคุกได้ในตอนที่แก่จนไม่มีปัญญาจะไปทำมาหากินอะไรแล้ว
นอกจากเรื่องของสาระแล้ว ในส่วนของความบันเทิงต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างมีจังหวะจะโคนดีมาก ในตอนที่ปล่อยมุขตลกออกมาก็เป็นมุขที่ไหลไปตามเนื้อเรื่อง ซึ่งทำให้ยิ่มออกได้ หรือถ้าใครจะฮาก็ไม่น่าเกลียดแต่ประการใด ในส่วนของฉากดรามาก็ทำเอาคนดูซึมไปแบบกลั้นไม่อยู่ไปเลย และในส่วนของไคลแม็กซืก็ทำเอาตนดูสะใจและอิ่มใจแบบที่หลายเรื่องพยายามทำแต่ทำไม่ได้เหมือน
แถมท้ายอีกนิด ในปีที่ออกฉายนั้นหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยฮือฮากันเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเรื่องของรายได้ แต่ก็ได้เข้าชิงออสการ์หลายสาขารวมทั้งสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย แต่ก็ชวดไป ถึงอย่างนั้นก็ตาม เป็นที่ประจักษ์ในภายหลังว่า หนังเรื่องนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังที่มีคุณค่ามากที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาศัยระยะเวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็น
ดังนั้น ถ้าคุณยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก็น่าจะรีบหามาดูนะครับ ยังพอมี DVD หรือ VCD ให้หาดูได้ตามท้องตลาด แล้วไม่แน่ คุณอาจจะชอบหนังเรื่องนี้เหมือนที่ผมชอบก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น